การทำ SEO ต้องใช้ทั้งเวลาและงบประมาณ ถ้าคุณไม่มีเวลาแต่มีเงิน คุณก็ยังหาใช้ บริการจากคนรับทำ SEO ได้ แต่ถ้าคุณไม่มีเงิน ลองหาเวลาทำเองดูไหมครับ 11 ขั้นตอนง่ายๆตามนี้ครับ
1. ปรับ Title Tags ของเว็บไซต์ให้ดีขึ้น ลองตรวจดูว่า Title Tags ของคุณดูโอเคหรือยัง ลองทำให้มันมีเอกลักษณ์หรือเชื่อมโยงกับคำที่คุณต้องการมากขึ้น เช่นถ้าเว็บของคุณขายรองเท้าผู้หญิง คุณอาจจะเพิ่มคำว่า “รองเท้า” เข้าไปใน Title Tags ด้วย
2. การทำ Keyword Research การทำ SEO เก่งอย่างเดียวไม่พอ แต่คุณต้องรู้กลุ่มเป้าหมายด้วย การหา keyword เพื่อจะได้รู้และเข้าใจคำที่ถูกค้นหาจริงๆ และตัดสินใจว่าจะใช้ keywords อะไรเป็นกลุ่มเป้าหมายของคุณ อีกทั้งยังทำให้คุณรู้ว่า demand ต่อสินค้า/ธุรกิจของคุณเป็นอย่างไรบ้าง
คนทำการตลาดมักจะใช้คำเฉพาะเกี่ยวกับธุรกิจหรือแบรนด์ของตัวเอง ผมแนะนำว่าอย่าคิดไปเองว่าคุณรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไรหรือค้นหาอะไร ใช้เวลา สักหน่อยศึกษาดูเองจะได้แม่นๆไปเลยครับ เครื่องมือค้นหา keywords ที่ดีๆจะบอกคะแนนความนิยมของแต่ละคำด้วย คุณอาจจะลองใช้ Google Keyword Planner เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีและฟรีด้วย แต่คุณจะเข้าถึงข้อมูลได้ดีและใช้ได้เป็นประโยชน์สูงสุดเมื่อคุณกำลังมีแคมเปญ Google Ads อยู่ครับ หรือคุณอาจจะลองหาเครื่องมือเชิงลึกอื่นๆดูด้วยซึ่งก็มีทั้งแบบฟรีแล้วแบบเสียเงินครับ
3. เข้าใจคู่แข่งของคุณ โดยเฉพาะพวกคู่แข่งที่มาจาก organic-search ไม่ใช่แค่ผู้ที่ขายสินค้าและบริการโดยตรงเท่านั้น แต่รวมถึงเว็บไซต์ที่ให้ความรู้ ข้อมูลต่างๆ เช่น เว็บข่าว นิตยสาร วิกิพีเดียหรือเว็บค้าปลีกยอดฮิตเช่น shopee หรือ Lazada เพราะใครก็ตามที่กินพื้นที่ใน search results page ไปก็นับเป็นหนึ่งในคู่แข่งของคุณทั้งนั้น ลองถามตัวเองดูว่า
- พวกเขาทำอะไรถึงได้มาแสดงผลใน organic search
- มี content อะไรบ้างที่คู่แข่งมี แต่คุณยังไม่มี
- คู่แข่งออกแบบ structure เว็บไซต์มาเพื่อ keywords นั้นๆเลยหรือเปล่า
- คู่แข่งมีส่วนร่วมกับลูกค้าอย่างไรบ้าง
รวมถึงศึกษาดูรีวิวและกิจกรรมใน social media ว่ามีอะไรบ้างที่สามารถช่วยเชื่อมโยงและปรับปรุงสิ่งที่คุณนำเสนอต่อลูกค้าได้
4. Keyword Mapping เป็นขั้นตอนการเชื่อมโยง keywords ไปที่แต่ละหน้าของเว็บไซต์ เป็นการจัดวางกรอบของเว็บว่าหน้าไหนบ้างที่ควรมี keywords ไหนอยู่ ทำให้คุณทำ backlinks ได้สะดวกขึ้นด้วยและป้องกันการแย่งอันดับกันเองในแต่ละหน้าของเว็บไซต์
5. เพิ่มประสิทธิภาพของเว็บ เมื่อคุณวาง keyword map แล้ว ขั้นต่อไปก็เริ่มทำ on-page SEO เช่น
- ลงบทความหรือเนื้อหาเข้าไปในแต่ละหน้าที่วางแผนไว้ รวมถึงคีย์เวิรด์ต่างๆ ด้วย
- สร้างหน้าใหม่ (สำหรับ unassigned keywords) โดยใส่เนื้อหา รูป หรือวีดิโอ
- สร้างหน้าที่เป็นส่วนของ keyword-rich section เช่น blog
- อย่าลืม ให้ความสำคัญกับส่วนประกอบของแต่ละหน้า เช่น title tags, meta descriptions
- headings, body content และ keyword themes ที่ user ใช้ค้นหา
6. การสร้างและใส่เนื้อหาใหม่ๆที่เหมาะกับ users เสมอๆก็เป็นสิ่งสำคัญ อาจจะไม่ต้องถึงกับทุกวัน แต่อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งก็ยังดีครับ เนื้อหาอาจจะไม่ได้อยู่ในรูปของการเขียนบทความ แต่อาจจะเป็นรูปภาพ วีดีโอ หรืออะไรก็ได้ที่ช่วยให้ users ได้รับและดึดดูดให้มีส่วนร่วมกับคุณ
7. การเพิ่ม Link Equity ซึ่งหมายถึงปริมาณของ links คุณภาพสูงที่เชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์ของคุณ อย่างที่รู้ๆกันว่า 2 ปัจจัยหลักในการสร้าง organic ranking ก็คือ links และ content หากคุณสามารถทำเนื้อหาที่ดีและทำให้เว็บไวต์ที่เกี่ยวข้องส่งลิงค์มาที่เว็บของคุณได้ จะส่งผลต่ออันดับของคุณอย่างไม่น่าเชื่อ
8. สร้าง Social Media ของคุณ เพื่อเพิ่มช่องทางการติดต่อกับ users เช่น Facebook, Twitter, LinkedIn หรือ Instagram เป็นต้น
9. พยายามทำความเข้าใจกับผล Analytics ต่างๆให้ได้ คุณจะไม่สามารถเพิ่มปรับปรุงหรือเพิ่มประสิทธิภาพได้ หากคุณไม่ได้วัดผลการทำ SEO ต้องใช้ความเข้าใจในเรื่องของ Google Analytics เพื่อที่คุณจะรู้ว่าหน้าไหนที่ต้องปรับปรุงและหน้าไหนกำลังไปได้สวย
ลองดูนะครับ ในหน้า Google Analytics ไปที่ Acquisition > All Traffic > Channels และคลิกที่ “Organic Search” และเปลี่ยน Primary Dimension เป็น “Landing Page” เริ่มจากตรงนั้น คุณลองดูและวิเคราะห์ SEO performance เบื้องต้นของคุณ
10. ติดตามและอ่านเรื่องราวของ SEO บ่อยๆ ตอนนี้อ่านรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้างก็ไม่เป็นไรครับ ลองอ่านบ่อยและวิเคราะห์ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ค่อยๆเข้าใจมากขึ้นเอง
11. หัดตั้งคำถาม อ่านเองคนเดียวก็ต้องมีงงเป็นธรรมดา สมัยนี้มีชุมชนมากมายที่มีเพื่อนนัก SEO พร้อมจะแบ่งปัน ลองหาเข้าสักกลุ่มจะได้เพื่อนทำ SEO ไปด้วยกัน เป็นกำลังใจให้นะครับ
เขียนและแปลโดย : ตาโต Thai Top SEO